ภาคตะวันออก มีพื้นที่รวมกันทั้งหมด จำนวน 34,380 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6% ของพื้นที่ประเทศไทย ถือว่าภาคตะวันออก เป็นภูมิภาคที่มีเนื้อที่เล็กที่สุดในบรรดา 6 ภูมิภาค ของประเทศไทย แต่ถึงแม้จะเป็นภูมิภาคที่มีเนื้อที่เล็กที่สุดในประเทศไทย แต่ภาคตะวันออกก็เป็นภูมิภาคที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2561 ขนาดเศรษฐกิจของภาคตะวันออก ประมาณ 3 ล้านล้านบาท คิดเป็นประมาณ 18% ของมูลค่า GDP ประเทศไทย และภาคตะวันออกเป็นภูมิภาคที่มีนิคมอุตสาหกรรมมากที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะเป็นฐานการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จากนักลงทุนต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงาน ปริโตรเคมี นอกจากนั้นจังหวัดภาคตะวันออก เป็นจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงสุดของประเทศอีกด้วย
Figure 1 : www.eeco.or.th
การบริหารงานบุคคลในภาคตะวันออก นั้นถือว่าเกิดขึ้นพร้อมกับโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก หรือ Eastern Seaboard Development Prog (ESB) ในสมัยรัฐบาลของ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" คือในพ.ศ. 2525 ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2525-2529)
จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ของภาคตะวันออก ทำให้เกิดปัญหาการผลิตบุคลากรในสายอาชีพบริหารงานบุคคลไม่เพียงพอต่อความต้องการ สถานประกอบการต่าง ๆ ต้องรับบุคคลหลากหลายวิชาชีพมาทำงานบริหารงานบุคคล ซึ่งทำให้เกิดปัญหาตามมา คือ การประสานงานความร่วมมือกับนายจ้าง ลูกจ้าง หน่วยงานภาครัฐที่อยู่ห่างไกลจากนิคมอุตสาหกรรม การขอคำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานต่าง ๆ เป็นด้วยความยากลำบากและไม่ทั่วถึง การพัฒนาองค์ความรู้ในการทำงานให้กับนักบริหารงานบุคคลมีน้อยมาก จึงทำให้ต่อมาได้เกิดมีการรวมตัวกันของนักบริหารงานบุคคลในพื้นที่ เพื่อก่อตั้งชมรมบริหารงานบุคคลขึ้นมาเพื่อช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่สมาชิก ก่อนการก่อตั้งสมาคมฯ ได้มีชมรมบริหารงานบุคคลต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ชมรมบริหารงานบุคคลชลบุรี (จังหวัดชลบุรี)
2. ชมรมบริหารงานบุคคลเครือสหพัฒน์ ศรีราชา (จังหวัดชลบุรี)
3. ชมรมนักบริหารงานบุคคลพัทยา (จังหวัดชลบุรี)
4. ชมรมบริหารงานบุคคลระยอง (จังหวัดระยอง)
5. ชมรมบริหารงานบุคคลบ้านบึง (จังหวัดชลบุรี)
6. ชมรมบริหารงานบุคคลแหลมฉบัง (จังหวัดชลบุรี)
7. ชมรมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด (จังหวัดระยอง)
8. ชมรมผู้บริหารงานบุคคลธุรกิจอุตสาหกรรม(MAC) (จังหวัดชลบุรี)
9. ชมรมบริหารงานบุคคลปิ่นทอง (จังหวัดชลบุรี)
10. ชมรมบริหารงานบุคคลเวลโกรวส์ (จังหวัดฉะเชิงเทรา)
ในระหว่างการทยอยเกิดขึ้นของชมรมบริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ นั้น ต้องใช้เวลามากถึง 30 ปี อย่างไรก็ตามชมรมฯ ก็ได้ทำให้เกิดความแข็งแกร่งของวิชาชีพ เช่น มีการจัดประชุมประจำทุกเดือนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร มีการจัดสัมมนาให้ความรู้ทั้งทางด้านกฎหมาย ความรู้เสริมทักษะอาชีพแก่สมาชิกอย่างสม่ำเสมอ การเข้าร่วมเป็นคณะทำงานต่าง ๆ ของกระทรวงแรงงาน ซึ่งทำให้วิชาชีพของนักบริหารงานบุคคลมีความเป็นเอกภาพและทำงานได้อย่างเข้มแข็งเป็นที่ยอมรับจากนายจ้างและลูกจ้าง
เนื่องจากการบริหารกิจการของชมรมบริหารงานบุคคลที่ผ่านมานั้นถือเป็นเพียงองค์คณะบุคคล ไม่ได้มีวิทยาฐานะอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย จึงทำให้มีปัญหาในทางปฏิบัติเมื่อจะทำการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่อมาจึงได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างชมรมต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้น เพื่อริเริ่มให้มีการจัดตั้งสมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออก ขึ้นในช่วงต้นปี พ.ศ. 2551 โดยประธานชมรมฯ และบุคคลสำคัญในวงการบริหารงานบุคคลโดยเฉพาะ นางวรรณพร ชูอำนาจ แรงงานจังหวัดชลบุรี ณ ขณะนั้น ได้นำเสนอรายงานต่อ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เพื่อรับทราบเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรวิชาชีพนักบริการทรัพยากรบุคคล โดยเสนอให้จัดตั้งเป็นองค์กรนิติบุคคล มีฐานะ/ศักดิ์ศรีในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับสำนักงานของกระทรวงแรงงานในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เห็นชอบ จึงได้มอบหมาย/ประสานงานไปยังผู้เกี่ยวข้องให้สนับสนุนการก่อตั้งสมาคม
ต่อมาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 คณะทำงานก่อตั้งสมาคมฯ จึงได้ไปยื่นคำจดทะเบียนสมาคม ณ ที่ว่าการอำเภอศรีราชา จดทะเบียนภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย และได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งสมาคมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551 ใช้ชื่อว่า สมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออก สำนักงาน ใหญ่ตั้ง อยู่เลขที่ 999 ถนน สุขาภิบาล 8 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ตามความในมาตรา 82 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยมีนายกำธร โรจน์รุ่งสิงขรณ์ ประธานชมรมนักบริหารงานบุคคลเครือสหพัฒน์ ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ, นายจักรพงศ์ ประภากรสกุล ประธานชมรมบริหารงานบุคคลบ้านบึง เป็นอุปนายกสมาคม และนายศักดิ์ดา หวานแก้ว ประธานชมรมบริหารงานบุคคลชลบุรี เป็นเลขาธิการสมาคมฯ สมัยแรก
สมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออกได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาวิชาชีพการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้ก้าวหน้าทัดเทียมกับสาขาอาชีพอื่น ๆ และมีวัตถุประสงค์สำคัญ 5 ประการในการจัดตั้งสมาคม คือ
ความหมายของเครื่องหมายสมาคม ประกอบด้วย
(1) ตัวอักษร EPMA หมายถึง ชื่อย่อของ สมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออก
(2) ตัวอักษร E ตัวพิมพ์ใหญ่ และ แผนที่ประเทศไทย บนเครื่องหมายรูปสามเหลี่ยม หมายถึงพลังงานแห่งภูมิภาคตะวันออก และศักยภาพของการเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศไทย
(3) รูปคน รูปดาว บนตัวอักษร M หมายถึง การสร้างเครือข่ายของสมาคมและพัฒนาสายอาชีพงานบริหารงานบุคคลให้เป็นมืออาชีพและสร้างการยอมรับอย่างแพร่หลาย
สมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออก ได้มีการบริหารกิจการของสมาคมมาตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการใหม่ โดยมี ดร.พีระพงษ์ สุนทรวิภาต เป็นนายกสมาคม นายศักดิ์ดา หวานแก้ว เป็นอุปนายกสมาคม และดร.เอกธนัช แก้วลา เป็นเลขาธิการสมาคม ปัจจุบันสมาคมฯ ได้ย้ายสำนักงานใหญ่มาตั้งอยู่ที่ 29 ถนนเนตรดี ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง ทั้งนี้สมาคมฯ มีผลงานและกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่
ในปี 2567 สมาคมบริหารงานบุคคลภาคตะวันออก ได้มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาในเรื่องการออกหนังสือรับรองความรู้ความสามารถของผู้ทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าภายในอาคารและเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ให้มีความสะดวก รวดเร็ว และเอาใจใส่ในบริการได้อย่างประทับใจมากยิ่งขึ้น
ทางสมาคมฯ จึงได้ดำเนินการขอจดทะเบียนเป็นองค์กรอาชีพ กับสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และรับอนุญาตเป็นศูนย์รับรองความรู้ความสามารถในงานฝีมือแรงงานแต่ละสาขา โดยในช่วงเริ่มต้น สมาคมจะดำเนินประเมิน จำนวน 2 สาขา คือ สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร และช่างเครื่องปรับอากาศในบ้านและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ช่างฝีมือ ให้ได้รับบริการแบบเบ็ดเสร็จวันเดียวจบ และในการดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการแบ่งเบาภาระงานของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และทำให้งานการขอรับการประเมินมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ศูนย์รับรองความรู้ความสามารถ
ปรับปรุงข้อมูล ณ วันที่ 23 ตุลาคม 2567