แชร์

คนคือสื่อสร้างสรรค์ของธุรกิจ (PEOPLE IS MEDIA)

43 ผู้เข้าชม

โดย ศักดิ์ดา หวานแก้ว

นับย้อนหลังไปประมาณ 5 ปีถึงปัจจุบันนี้ มีสิ่งหนึ่งที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก คือ สื่อ(Media) นวัตกรรมเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่มาเติมเต็มชีวิตให้มีความสมบูรณ์มาก  -- การเรียนรู้และการใช้ชีวิต ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยใช้โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ต่างๆ ภาพยนต์ ดนตรี วิดีโอ เกม ทุกอย่างล้วนสะดวกขึ้น และมุ่งสู่การออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ตและเป็นดิจิตอลทั้งสิ้น สื่อยุคใหม่มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อโลกของเรามาก คนบริโภคสื่อ สื่อสร้างคน คนสร้างสื่อ สื่อสร้างการเรียนรู้ และการเรียนรู้ช่วยพัฒนาองค์การและประเทศให้เจริญเติบโต  คนรุ่นใหม่ถ้าใช้สื่อในการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ จะฉลาดและรอบรู้มากกว่าคนรุ่นก่อนหน้านี้มากทีเดียว

ในขณะที่สื่อนำเสนอโอกาสให้คนได้เรียนรู้ รับความบันเทิง จากการนำความหลากหลายมาเชื่อมโยงกัน สื่อจึงมีอิทธิพลต่อคนทุกวัย ในด้านอารมณ์ ทัศนคติ และพฤติกรรม นับว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับชาว HR ในการบริหารจัดการเชิงทรัพยากรมนุษย์กับคนในรุ่นปัจจุบันและอนาคต
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในตอนนี้ คือ เราพบว่า คนเริ่มมีความสุขจากการที่ได้แบ่งปันความสุขของตนเอง ให้กับคนอื่นๆ(ทั่วโลก) ดังนั้น Social Network จึงเกิดขึ้นมาสร้างความสุขให้กับผู้คน  Google Facebook Twitter YouTube Hi-5 MSN Skype Camfrog จึงถือเป็นสื่อสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และเปลี่ยนแปลงได้อย่างกลมกลืนกับนวัตกรรมของสิ่งประดิษฐ์ในโลกของเรา ในปีนี้ผมได้เริ่มมองเห็นโน้มในการบริหารจัดการเรื่องคนอีกอย่างหนึ่ง  ภายหลังจากการเกิดของ จอสัมผัส(Touch Screen) บนโทรศัพท์มือถือ หรือ บน Tablet Computer  มันมีสิ่งใหม่เกิดขึ้น และมันทำให้เกิดการปฏิวัติวงการ HR ของเราให้มีการปรับตัวกันอีกครั้งหนึ่ง คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบพกพา ใช้จอสัมผัสแทนแป้นพิมพ์ บนโทรศัพท์มือถือ PDA หรือ บนสินค้าที่น่าได้รับการยกย่องอย่างมาก คือ IPAD เนื่องจากสินค้าตัวนี้ทำให้สีสรรในการบริโภคสื่อผ่านคอมพิวเตอร์ของเราอิสระมากขึ้น (IPAD รุ่นแรก เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 2010 และตามด้วย IPAD 2 ที่จำหน่ายในปี 2011)

การปล่อยให้พนักงานในองค์กรให้มีอิสระในการกำหนดเนื้อหาหรือเรื่องราวความสนใจ(Content) ด้วยตนเองมากขึ้นเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน การเปิดโอกาสให้พนักงานได้แบ่งปันข้อมูล ความคิดเห็น ทัศนคติ ประสบการณ์ มุมมอง และสื่อข้อมูลด้วยตนเองหรือกลุ่มให้มากขึ้นเท่ากับเป็นการปลดปล่อยพนักงานออกจากกรอบของการทำงานแบบเดิมๆ ที่อาจเดินวนอยู่กับที่ ถ้าพนักงานมีอิสระ พนักงานจะมีความคิดสร้างสรรค์และช่วยพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้กับองค์การ

งาน HR จะต้องเข้าใจเรื่องคน โดยธรรมชาติคนจะแบ่งกลุ่มไปตามธาตุภูมิของตนเอง คำว่า ธาตุภูมิ คือ Life Style ของคนนั่นเอง กล่าวคือ คนที่มีความสนใจ ชอบ(คิด) ทำ(ปฏิบัติ) มักจะมีอุปนิสัย ที่คล้ายคลึงกันในเชิงจิตวิทยา คนที่ธาตุภูมิเดียวกันจะรวมตัวเป็นกลุ่มเดียวกันในแบบหลวมๆ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าคุณมาจากไหน ทำงานที่ไหนหรือเป็นลูกน้องของใคร เช่น กลุ่มคนออกกำลังกาย กลุ่มถ่ายภาพ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มปฏิบัติธรรม กลุ่มดนตรี หรือแม้กระทั่งกลุ่มเล่นหวย เป็นต้น คนที่รวมกันเป็นกลุ่ม มักจะมีพลังมากกว่า คนคนเดียวที่โดดเดี่ยวแยกตัวออกจากกลุ่ม กลุ่มที่เหมือนกันจะทำหน้าที่ในการส่งเสริมการเรียนรู้ และแชร์ประสบการณ์ให้แก่กันทั้งด้านบวกและด้านลบ ขอยกตัวอย่างด้านบวก เช่น คนเก่งหรือผู้นำกลุ่ม จะสอนหรือโน้มน้าวสมาชิกให้ทำตามแบบอย่างตน ส่วนสมาชิกภายในกลุ่มมักจะยอมรับ และให้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นต้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยใช้ธาตุภูมิ จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ และควรปรับรูปแบบการดำเนินชีวิตของกลุ่มให้มีทิศทางเดียวกับกลยุทธ์องค์การ เพื่อมุ่งไปสู่การพัฒนาในระยะยาว สำหรับผม เชื่อว่าการบริหารธาตุภูมิ คือ การพัฒนาองค์การระยะยาว และช่วยสร้างแรงงานสัมพันธ์เชิงรุกให้คนรักและจงรักภักดีต่อองค์การ

มีคำกล่าวกันว่า "องค์กรที่ดีต้องไม่เรียนรู้จากความสำเร็จ(Great Organization Dont Learn From Success) แต่ควรเรียนรู้จากความล้มเหลว(But Learn From Failure)" เหตุผลที่สนับสนุนคำกล่าวนี้ คือ ในเมื่อมีสิ่งที่สำเร็จ เราก็มักจะโน้มเอียงไปทางบวก เราจะไม่ถามว่า ทำไม อีกต่อไป ผลก็คือ เราจะไม่ทราบว่าความจริงแล้วสิ่งที่ทำสำเร็จไปนั้นมันมาจากสิ่งที่ทำได้จริงหรืออาจจะเกิดจากโชคดีของเรา  ดังนั้น การมีความผิดพลาดจำนวนมาก จึงเป็นบทเรียนที่เกิดคำว่า ทำไม มากที่สุด การแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับความล้มเหลว ผ่านความผิดหวัง หรือการถูกตำหนิ จะทำให้เราเข้าในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง และสร้างความสำเร็จหรือสร้างโอกาสใหม่ๆ เสมอ

สิ่งที่องค์การไม่ควรล้มเหลวจากการเข้าใจ คำว่า "People is Media" ผมเชื่อว่า หากองค์กรทำให้คนหยุดการเรียนรู้ หยุดการพัฒนา เท่ากับองค์การเหล่านั้นกำลังเข้าสู่ยุคของการหยุดการเจริญเติบโต เราสามารถทำอะไรได้บ้างในยุคที่มีการสื่อสารขั้นสูง กับการพัฒนางานบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้ไปด้วยกัน ในทัศนะผมขอบอกว่ายุคนี้ น่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ที่องค์การจะต้องปรับให้ทันโลก ทันเทคโนโลยี โดยการเอาใจใส่ลงทุนด้านไอทีมากขึ้น เนื่องจากตอนนี้ต้นทุนไอทีต่ำ มีผลตอบแทนกลับสู่องค์การสูงกว่าเมื่อก่อนมาก ผมขอนำเสนอหัวข้อที่ หน่วยงาน HR ควรจะมีการปรับปรุงหรือทบทวนตนเอง ดังต่อไปนี้

  • HR ควรออกแบบระบบงานบริการใหม่ๆ โดยเน้นที่ลูกค้าภายนอกของหน่วยงาน HR ให้มากขึ้น ควรส่งเสริมให้พนักงานทุกคน ได้มีโอกาสได้ทำงานจากภายนอกสถานที่ได้บ้าง ยกตัวอย่างการอนุญาตให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลของบริษัทได้ เช่น การเช็คอีเมล์ การขออนุมัติลางาน การ Link ข้อมูลเพื่อนำเสนองานกับลูกค้า การประชุมออนไลน์ ผ่านการเชื่อมต่อข้อมูลกับ ศูนย์บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย (Hotspots) ซึ่งมีทั้งฟรี Wi-Fi และเสียค่าบริการ เป็นต้น
  • ควรออกแบบสวัสดิการใหม่ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน เช่น สนับสนุนงบประมาณให้พนักงานกู้เงิน เพื่อซื้ออุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของตนเองและครอบครัว เช่น คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ้ก เน็ตบุ้ก พีดีเอ โดยไม่คิดดอกเบี้ย ให้ทุนศึกษาต่อในสาขาที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เป็นต้น
  • ควรเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ ในยุคสารสนเทศ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ การพัฒนาตนเอง โดยเน้นการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจไม่ใช่เพื่อการบันเทิง ตัวอย่างหลักสูตรที่แนะนำ(อาจจัดรวมกันได้) เช่น เทคนิคการเชื่อมต่อ โอนย้ายข้อมูล ระหว่างคอมพิวเตอร์กับ PDA หรืออุปกรณ์มัลติมีเดียอื่นๆ, เทคนิคการใช้ IPAD/IPHONE/PDA เพื่อการเรียนรู้หรือทำงานในเชิงธุรกิจ, เทคนิคการ Upgrade ROM/Firmware ของโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ, วิธีการสั่งซื้อของออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต, เทคนิคการดาวน์โหลด/อัพโหลดข้อมูล(บิท), เทคนิคการค้นหาข้อมูลขั้นสูงด้วย Search Engine ต่างๆ, เทคนิคการเขียนเว็บหรือจัดทำเว็บไซต์, เทคนิคการขอใช้พื้นที่ฟรีต่างๆในอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
  • เตรียมศึกษาและปรับปรุงรูปแบบบัตรพนักงานให้เป็น RFID เพื่อนำไปใช้กับ งานรักษาความปลอดภัย งานเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานในด้านต่างๆ ค่าจ้าง เงินเดือน สวัสดิการ การฝึกอบรม เพื่อลดการเก็บข้อมูลผ่านกระดาษ และสามารถ Track ข้อมูลพนักงานผ่าน RFID Reader ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การแสดงข้อมูลได้ทันที เมื่อรับการตรวจในระบบ ISO หรือ พนักงานดูข้อมูลของตนเอง เกี่ยวกับประวัติต่างๆ หรือสลิบเงินเดือนได้เมื่อนำบัตรพนักงานไปประทับกับเครื่องอ่านค่าและแสดงผล หรือใช้แทนคูปองในการซื้ออาหาร ณ โรงอาหารบริษัท เป็นต้น
  • ควรจัดเก็บข้อมูลกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท ให้เป็นภาพเคลื่อนไหว(วิดีโอ) เพิ่มอีกช่องทางหนึ่งจะดีกว่า(ให้ถามว่าทำไม YouTube จึงได้รับความนิยม เพราะคนไม่ชอบอะไรที่มีมิติเดียวนั่นเอง) เนื่องจากการถ่ายภาพเพียงอย่างเดียวจะทำให้ขาดความมีชีวิตชีวา และไม่สามารถนำไปใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้ของพนักงานได้อย่างครบถ้วน บริษัทควรจะส่งเสริมให้พนักงานได้เรียนรู้ผ่านช่องทางของภาพเคลื่อนไหวให้มากขึ้น โดยเฉพาะการฝึกอบรมแบบ OJB หรือ การปฐมนิเทศพนักงาน เป็นต้น
  • สร้างบรรยากาศให้เกิดการทำงานเชิงขนาน (Parallelism) คือ ให้พนักงานสามารถทำงานหลายๆอย่างได้พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน หรือการทำให้คนมี Multi Choices หรือให้ทำงานแบบ Multi Task ได้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น ทดลองให้พนักงานบางตำแหน่งหยุดงานได้โดยไม่นับเป็นวันลา แต่ในระหว่างที่หยุดงาน ก็ให้ส่งงานได้กลับมายังบริษัทได้ ระบบดังกล่าว คือ การผสมผสานแนวคิด Tele Working นั่นเอง เป็นต้น

แล้วพบกันใหม่ฉบับต่อไป สวัสดีครับ..


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy